พ.ศ. ๒๕๓๑ สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ขอความร่วมมือตั้งหน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมท้องถิ่น จังหวัดนครราชสีมา ในวิทยาลัยครูนครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวิทยาลัยครูว่า “สถาบันราชภัฏ” จากนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้มีการเคลื่อนย้าย อาคาร ๑ ซึ่งเป็นอาคารไม้ที่ตั้งอยู่หน้าสถาบันไปทางทิศตะวันออกของสนามฟุตบอล ผศ. อุทัย เดชตานนท์ อธิการบดีในขณะนั้นให้ย้ายศูนย์ศิลปวัฒนธรรม จากอาคาร ๒ ไปอยู่ ณ อาคาร ๑
พ.ศ. ๒๕๔๒ สถาบันราชภัฏนครราชสีมา ได้แบ่งส่วนราชการใหม่ตามพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ และได้เปลี่ยนชื่อศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มาเป็น “สำนักศิลปวัฒนธรรม”
พ.ศ. ๒๕๔๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะสถาบันราชภัฏทั่วประเทศขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ จึงได้มีการปรับเปลี่ยนส่วนราชการอีกครั้ง โดยในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้เปลี่ยนชื่อจากสำนักศิลปวัฒนธรรมเป็น “สำนักศิลปะและวัฒนธรรม” จวบจนปัจจุบัน
พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้มีการรื้อถอนอาคาร ๑ เพื่อดำเนินการก่อสร้างศูนย์รวมกิจการนักศึกษาและหอประชุมนานาชาติ ดังนั้นในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จึงได้ย้ายมาตั้งสำนักงานชั่วคราว ณ อาคารยุพราชเบญจมงคล หรืออาคาร ๓๑ เป็นอาคารชั่วคราว ก่อนที่จะย้ายสำนักฯ อีกครั้งเป็นการถาวร และในวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ ได้ย้ายมาตั้งสำนักงาน ณ อาคาร ๑๐ (อาคารเดิมของคณะวิทยาศาสตร์) จวบจนปัจจุบัน
พ.ศ.๒๕๕๖ ผศ.ดร.ณัฐกิตติ์ อินทร์สวรรค์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรมได้ผลักดันพันธกิจด้านศิลปวัฒนธรรมให้เป็นพันธกิจหลักในการพัฒนาและเสริมสร้างอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
“สืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติ และสร้างสรรค์คุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่นก้าวไกลสู่สากล” โดยมีการปรับโครงสร้างและการแบ่งส่วนราชการที่สนองต่อการผลักดันพันธกิจดังกล่าว ทั้งมิติการบริหารจัดการ วิชาการและวิจัยทางศิลปวัฒนธรรม หอวัฒนธรรมและศูนย์การเรียนรู้ รวมถึงการบริการและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมในระดับสากล นอกจากนี้ยังพัฒนาศูนย์การเรียนรู้
“พิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา” ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ มรดกทางภูมิปัญญา อันจะแความภาคภูมิใจ ในความเป็น
“โคราช” สืบไป